|
||||||||||||||||||||||||
วิทยาศาสตร์ของศาสตร์ฮวงจุ้ย หากเราจะเอ่ยถึงปัจจัยที่มีผลกับชีวิตมนุษย์นั้น นักปราชญ์ของจีนสามารถสรุปได้ออกเป็น 3 ปัจจัย ได้แก่ ชะตามนุษย์, ชะตาฟ้า และ ชะตาดิน โดย ”ชะตามนุษย์” คือความรู้, ความสามารถ, คุณธรรม และประสบการณ์ต่างๆที่เราฝึกฝนมาตลอดชีวิต ส่วน "ชะตาฟ้า” คือลักษณะพลังงานของจักรวาลทีเราได้รับมาตั้งแต่เราเกิด เมื่อวงโคจรของระบบสุริยะจักรวาลเปลี่ยนไปเราก็อาจจะได้พบทั้งพลังที่เราชอบและไม่ชอบในแต่ละช่วงเวลา และสุดท้ายได้แก่ "ชะตาดิน" หรือการที่เราเหนี่ยวนำเอาพลังงานของระบบสุริยะจักรวาลและกระแสแม่เหล็กของโลกให้สะสมในที่พักอาศัยของเราเพื่อเสริมให้เรารับพลังงานที่ถูกยุคถูกสมัยหรือเพื่อปรับให้ชะตาฟ้าที่ไม่ดีกลับเป็นดีและเสริมชะตาฟ้าที่ดีให้ยิ่งเจริญรุ่งเรือง คำถามของหลายๆท่านคงไม่พ้นความสงสัยว่าทำไมพลังงานของระบบสุริยะจักรวาลจึงมีผลกับชีวิตเรามากขนาดที่จะทำให้เราเจริญรุ่งเรืองหรือล้มเหลวได้พื้นฐานแรกที่ต้องให้เราเข้าใจตรงกันคือระบบสุริยะจักรวาลนั้นถูกกระทำด้วย "แรงโน้มถ่วง” (The law of gravity ของ เซอร์ ไอแซก นิวตัน) ให้สามารถโคจรอยู่มาได้มากกว่า 4,600 ล้านปีโดยดวงดาวที่มีมวลมากกว่าจะมีแรงดึงดูดต่อดวงดาวที่มีมวลน้อยกว่า โดยดาวสำคัญที่มีผลต่อวงโคจรของระบบสุริยะโดยรวมได้แก่ ดวงอาทิตย์ (Sun), ดาวพฤหัส (Jupiter) และ ดาวเสาร์ (Saturn) เนื่องจากเป๊นดาวที่มีมวลมากกว่าโลกมาก จากภาพเราจะเห็นว่าดาวพฤหัสมีมวลมากกว่าโลกที่ 318 เท่า และ ดาวเสาร์มีมวลมากกว่าโลก 95 เท่า ส่วนดวงอาทิตย์นั้นมีมวลมากกว่าโลกคิดเป็น 300,000 เท่า แต่เนื่องจากดวงอาทิตย์ถือเป็นจุดศูนย์กลางของระบบสุริยะจักรวาลนักปราชญ์ของจีนจึงได้พิจารณาในการนำเอาวงโคจรของดาวพฤหัสและดาวเสาร์มาใช้ในการคำนวณพลังงานของจักรวาลที่มีผลกับมนุษย์ โดยในคัมภีร์โบราณได้มีการกล่าวไว้ว่า "ทุกๆ 20 ปี ดาวไม้และดาวดินจะโคจรเป็นเส้นตรงเดียวกัน” ซึ่งนักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังได้ค้นพบว่าดาวไม้และดาวดินแท้จริงแล้วหมายถึงดาวเสาร์และดาวพฤหัสนั่นเอง และปราชญ์จีนยังได้สังเกตุการณ์อีกว่าในทุกๆ 180 ปี ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาลจะโคจรมาเรียงตัวบนเส้นตรงเดียวกันถือเป็นรอบพลังงานใหญ่ของระบบสุริยะจักรวาล และสามารถแบ่งรอบพลังงานได้ทั้งหมดเป็น 9 รอบพลังงานย่อย รอบละ 20 ปี ซึ่งการสังเกตุการนี้ได้มีการปันทึกมามากกว่า 2,500 ปีแล้ว ในปัจจุบันได้มีการคำนวณทางวิทยาศาสตร์เพื่อยืนยันเรื่องวงโคจรของดาวพฤหัสกับดาวเสาร์นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าดาวพฤหัสใช้เวลา 11.86 ปี ในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ ส่วนดาวเสาร์ใช้เวลา 29.46 ปี ดังนั้นหากเราสามารถคำนวณระยะทางในเชิงมุมสำหรับวงโคจรของดาวพฤหัสและดาวเสาร์ได้ดังนี้ ระยะทางเชิงมุมสำหรับวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ = 360º ระยะทางโคจรเชิงมุมของดาวพฤหัส = 360º / 11.86 ปี = 30.354131º / ปี ระยะทางโคจรเชิงมุมของดาวเสาร์ = 360º / 29.46 ปี = 12.219959º / ปี เราจะรู้ว่าดาวพฤหัสโคจรเร็วกว่าดาวเสาร์ = 18.134172º / ปี จุดที่ดาวเสาร์กับดาวพฤหัสจะโคจรมาเจอกันอีกครั้งคือจุดครบรอบ 360º หรือสามารถคำนวณเป็นเวลาได้ = 360º/18.134172º / ปี = 19.852023 ปี ซึ่งใกล้เคียงกับรอบพลังงานที่ปราชญ์จีนที่คำนวณไว้ว่า ทุกรอบ 20 ปี ถือเป็นรอบพลังงานประจำยุค (ยุคปัจจุบันคือ พศ.2547-2567) มากไปกว่านั้นหาเราคำนวณให้ลึกลงไปอีกจะพบว่า หากดาวพฤหัสโคจรครบ 19.852023 ปี จะเดินทางเป็นระยะทางเชิงมุม = 30.354131º / ปี x 19.852023 ปี = 602.590907º หรือเกิน 360º มาเท่ากับ 602.590907º - 360º = 242.590907º หรือเราพูดได้ว่าดาวพฤหัสกับดาวเสาร์จะพบกันที่จุดต่างไปจากเดิมทุกครั้งที่ระยะทางเชิงมุมประมาณ 240º ดังนั้นการพบกันในครั้งแรกจะมีตำแหน่งที่ต่างไปจากเดิม = 360º-242.590907º = 117.409093º / ครั้ง หากดาวทั้งสองดวงจะโคจรมาที่ตำแหน่งเดิมได้ต้องใช้จำนวนรอบโคจรทั้งหมด= 360º / 117.409093º / ครั้ง = 3.066202 ครั้ง ดังนั้นจึงถือว่ารอบพลังงานทุก 3 รอบ หรือทุก 3 ยุคนี้ ถือเป็นหนึ่งวัฏจักรของระบบพลังงานในระบบสุริยะจักรวาล และท้ายที่สุดนักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าทุกๆ 178-179 ปี ดาวเคราะห์ทุกดวงจะเรียงตัวกันเป็นเส้นตรงกับดวงอาทิตย์ โดยเราสามารถคำนวณได้จาก 19.852023 ปี/ครั้ง x 9 ครั้ง = 178.668207 ปี ซึ่งตรงกับรอบพลังงานรอบใหญ่ที่นักปราชญ์จีนได้ทำการสังเกตุการณ์มาตั้งแต่ 2,500 ปีที่แล้วนั่นเอง และโลกของเราก็อยู่ในลำดับระหว่างดวงอาทิตย์และดาวพฤหัสกับดาวเสาร์ รวมถึงการที่โลกของเรามีมวลเล็กกว่าดาวทั้งหมดอยู่หลายเท่า จึงทำให้โลกของเราต้องอยู่ภายใต้แรงดึงดูดมหาสารของดวงดาวเหล่านี้อยู่เสมอ และเนื่องจากองศาทิศทางที่ดวงดาวในระบบสุริยะจักรวาลทำมุมกับโลกแตกต่างกันในแต่ละยุคแต่ละปี จึงทำให้โลกของเรารับพลังงานที่แตกต่างกันโดยพลังงานกระแสแม่เหล็กโลกจะเป็นตัวแปรในการถ่ายเทพลังงานของจักรวาลมาให้กับมนุษย์ เนื่องจากพลังงานกระแสแม่เหล็กของดวงดาวแต่ละดวงเองก็มีส่วนช่วยในการก่อให้เกิดวงโคจรของระบบสุริยะจักรวาลเช่นเดียวกัน
ปราชญ์จีนได้ค้นพบมานานแล้วเช่นกันว่าโลกเรามีกระแสแม่เหล็กอยู่โดยขั้วโลกเหนือนั้นมีขั้วเป็นกระแสแม่เหล็กขั้วลบเนื่องจากมีการดึงดูดให้เข็มทิศซึ่งมีลักษณะเป็นขั้วบวกวิ่งเข้าหาเสมอ ซึ่งปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าในร่างกายของคนเรานั้นมีเลือดเป็นส่วนประกอบหลักคิดเป็นประมาณ 1 ใน 12 ส่วนของน้ำหนักตัว และเส้นเลือดในร่างกายเรานั้นถ้านำมาต่อกันจะมีความยาวเท่ากับ 1 ใน 4 ของระยะทางจากโลกถึงดวงจันทร์ได้ทีเดียว โดยเม็ดเลือดของเรานั้นมีส่วนที่เป็นพลาสม่า (Plasma) จะมีส่วนประกอบของแร่ธาตุต่างๆที่มีกระแสแม่เหล็กขั้วบวกและขั้วลบอยู่ในเม็ดเลือดนั้นๆประมาณ 10% เป็นที่มาที่ไปของสมมุติฐานที่เราเชื่อว่าการจัดฮวงจุ้ยที่ดีจะทำให้เราได้รับผลดีของการเหนี่ยวนำพลังงานจากธรรมชาติมาใช้โดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับในรายละเอียดที่มากกว่านี้เหมาะสำหรับการเรียนรู้ในคอร์สวิชา "ฮวงจุ้ยชั้นสูง" ต่อไป |
|
|||||||||||||||||||||||
|