The Integration of Feng Shui with Architectural Design ; Feng Shui Knowledge Center (Thailand)
  ฮวงจุ้ย วิทยาศาสตร์แห่งการบริหารพลังงานตามหลักสถาปัตยกรรมศาสตร์เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์
  อ.ตะวัน เลขะพัฒน์ โทร. 080-298-9998
 
 
 

หน้าแรก

ความรู้เรื่องฮวงจุ้ย

ข่าวสารจากทางสถาบัน

กรณีศึกษาจริง

“ฉลูทอง” 2564 จุดเริ่มต้นแห่งยุคทอง

มุ่งหามงคล หลีกเลี่ยงเคราะห์ภัย ปีหนูทอง 63

เสริมดีแก้ชง พิชิตดวงปีกุน 62

เปิดความลับฟ้าดิน ปีจอ 61

เจาะลึก ปีระกาไฟ 60

หาโอกาสผ่าวิกฤติ "ปีวอก" 59

รู้ทันฟ้ารับปี “มะแม” 58

ถอดรหัสฟ้ารับปีม้าไฟ 57

รู้ทันฮวงจุ้ยปีมะเส็ง 56 "ฝนยั่วไฟ"

• ฮวงจุ้ยดีรับปีมังกรคะนองน้ำ 55

• เสริมฮวงจุ้ยรับปี
กระต่ายตื่นทอง 54

ฮวงจุ้ยดีรับปีเสือดุ 53

ประวัติของศาสตร์ฮวงจุ้ย

วิทยาศาสตร์ของศาสตร์ฮวงจุ้ย

ฮวงจุ้ยกับชีวิตมนุษย์

สาส์นจาก อ.ตะวัน

ถอดรหัสทิศดีปี 52

หลักสูตรการอบรม

ขอบเขตการให้คำปรีกษา

ประวัติ อ.ตะวัน เลขะพัฒน์

ติดต่อ อ.ตะวัน เลขะพัฒน์

 
 

วิทยาศาสตร์ของศาสตร์ฮวงจุ้ย

หากเราจะเอ่ยถึงปัจจัยที่มีผลกับชีวิตมนุษย์นั้น นักปราชญ์ของจีนสามารถสรุปได้ออกเป็น 3 ปัจจัย ได้แก่ ชะตามนุษย์, ชะตาฟ้า และ ชะตาดิน โดย ”ชะตามนุษย์” คือความรู้, ความสามารถ, คุณธรรม และประสบการณ์ต่างๆที่เราฝึกฝนมาตลอดชีวิต ส่วน "ชะตาฟ้า” คือลักษณะพลังงานของจักรวาลทีเราได้รับมาตั้งแต่เราเกิด เมื่อวงโคจรของระบบสุริยะจักรวาลเปลี่ยนไปเราก็อาจจะได้พบทั้งพลังที่เราชอบและไม่ชอบในแต่ละช่วงเวลา และสุดท้ายได้แก่ "ชะตาดิน" หรือการที่เราเหนี่ยวนำเอาพลังงานของระบบสุริยะจักรวาลและกระแสแม่เหล็กของโลกให้สะสมในที่พักอาศัยของเราเพื่อเสริมให้เรารับพลังงานที่ถูกยุคถูกสมัยหรือเพื่อปรับให้ชะตาฟ้าที่ไม่ดีกลับเป็นดีและเสริมชะตาฟ้าที่ดีให้ยิ่งเจริญรุ่งเรือง 

คำถามของหลายๆท่านคงไม่พ้นความสงสัยว่าทำไมพลังงานของระบบสุริยะจักรวาลจึงมีผลกับชีวิตเรามากขนาดที่จะทำให้เราเจริญรุ่งเรืองหรือล้มเหลวได้พื้นฐานแรกที่ต้องให้เราเข้าใจตรงกันคือระบบสุริยะจักรวาลนั้นถูกกระทำด้วย "แรงโน้มถ่วง” (The law of gravity ของ เซอร์ ไอแซก นิวตัน) ให้สามารถโคจรอยู่มาได้มากกว่า 4,600 ล้านปีโดยดวงดาวที่มีมวลมากกว่าจะมีแรงดึงดูดต่อดวงดาวที่มีมวลน้อยกว่า โดยดาวสำคัญที่มีผลต่อวงโคจรของระบบสุริยะโดยรวมได้แก่ ดวงอาทิตย์ (Sun), ดาวพฤหัส (Jupiter) และ ดาวเสาร์ (Saturn) เนื่องจากเป๊นดาวที่มีมวลมากกว่าโลกมาก

3

จากภาพเราจะเห็นว่าดาวพฤหัสมีมวลมากกว่าโลกที่ 318 เท่า และ ดาวเสาร์มีมวลมากกว่าโลก 95 เท่า ส่วนดวงอาทิตย์นั้นมีมวลมากกว่าโลกคิดเป็น 300,000 เท่า แต่เนื่องจากดวงอาทิตย์ถือเป็นจุดศูนย์กลางของระบบสุริยะจักรวาลนักปราชญ์ของจีนจึงได้พิจารณาในการนำเอาวงโคจรของดาวพฤหัสและดาวเสาร์มาใช้ในการคำนวณพลังงานของจักรวาลที่มีผลกับมนุษย์ โดยในคัมภีร์โบราณได้มีการกล่าวไว้ว่า "ทุกๆ 20 ปี ดาวไม้และดาวดินจะโคจรเป็นเส้นตรงเดียวกัน” ซึ่งนักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังได้ค้นพบว่าดาวไม้และดาวดินแท้จริงแล้วหมายถึงดาวเสาร์และดาวพฤหัสนั่นเอง และปราชญ์จีนยังได้สังเกตุการณ์อีกว่าในทุกๆ 180 ปี ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาลจะโคจรมาเรียงตัวบนเส้นตรงเดียวกันถือเป็นรอบพลังงานใหญ่ของระบบสุริยะจักรวาล และสามารถแบ่งรอบพลังงานได้ทั้งหมดเป็น 9 รอบพลังงานย่อย รอบละ 20 ปี ซึ่งการสังเกตุการนี้ได้มีการปันทึกมามากกว่า 2,500 ปีแล้ว

ในปัจจุบันได้มีการคำนวณทางวิทยาศาสตร์เพื่อยืนยันเรื่องวงโคจรของดาวพฤหัสกับดาวเสาร์นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าดาวพฤหัสใช้เวลา 11.86 ปี ในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ ส่วนดาวเสาร์ใช้เวลา 29.46 ปี ดังนั้นหากเราสามารถคำนวณระยะทางในเชิงมุมสำหรับวงโคจรของดาวพฤหัสและดาวเสาร์ได้ดังนี้

ระยะทางเชิงมุมสำหรับวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ = 360º

ระยะทางโคจรเชิงมุมของดาวพฤหัส = 360º / 11.86 ปี = 30.354131º / ปี

ระยะทางโคจรเชิงมุมของดาวเสาร์ = 360º / 29.46 ปี = 12.219959º / ปี

เราจะรู้ว่าดาวพฤหัสโคจรเร็วกว่าดาวเสาร์ = 18.134172º / ปี

จุดที่ดาวเสาร์กับดาวพฤหัสจะโคจรมาเจอกันอีกครั้งคือจุดครบรอบ 360º

หรือสามารถคำนวณเป็นเวลาได้ = 360º/18.134172º / ปี = 19.852023 ปี ซึ่งใกล้เคียงกับรอบพลังงานที่ปราชญ์จีนที่คำนวณไว้ว่า ทุกรอบ 20 ปี ถือเป็นรอบพลังงานประจำยุค (ยุคปัจจุบันคือ พศ.2547-2567)

มากไปกว่านั้นหาเราคำนวณให้ลึกลงไปอีกจะพบว่า

หากดาวพฤหัสโคจรครบ 19.852023 ปี จะเดินทางเป็นระยะทางเชิงมุม = 30.354131º / ปี x 19.852023 ปี = 602.590907º

หรือเกิน 360º มาเท่ากับ 602.590907º - 360º = 242.590907º

หรือเราพูดได้ว่าดาวพฤหัสกับดาวเสาร์จะพบกันที่จุดต่างไปจากเดิมทุกครั้งที่ระยะทางเชิงมุมประมาณ 240º

ดังนั้นการพบกันในครั้งแรกจะมีตำแหน่งที่ต่างไปจากเดิม = 360º-242.590907º = 117.409093º / ครั้ง

หากดาวทั้งสองดวงจะโคจรมาที่ตำแหน่งเดิมได้ต้องใช้จำนวนรอบโคจรทั้งหมด= 360º / 117.409093º / ครั้ง = 3.066202 ครั้ง

ดังนั้นจึงถือว่ารอบพลังงานทุก 3 รอบ หรือทุก 3 ยุคนี้ ถือเป็นหนึ่งวัฏจักรของระบบพลังงานในระบบสุริยะจักรวาล 

และท้ายที่สุดนักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าทุกๆ 178-179 ปี ดาวเคราะห์ทุกดวงจะเรียงตัวกันเป็นเส้นตรงกับดวงอาทิตย์ โดยเราสามารถคำนวณได้จาก 19.852023 ปี/ครั้ง x 9 ครั้ง = 178.668207 ปี ซึ่งตรงกับรอบพลังงานรอบใหญ่ที่นักปราชญ์จีนได้ทำการสังเกตุการณ์มาตั้งแต่ 2,500 ปีที่แล้วนั่นเอง และโลกของเราก็อยู่ในลำดับระหว่างดวงอาทิตย์และดาวพฤหัสกับดาวเสาร์ รวมถึงการที่โลกของเรามีมวลเล็กกว่าดาวทั้งหมดอยู่หลายเท่า จึงทำให้โลกของเราต้องอยู่ภายใต้แรงดึงดูดมหาสารของดวงดาวเหล่านี้อยู่เสมอ และเนื่องจากองศาทิศทางที่ดวงดาวในระบบสุริยะจักรวาลทำมุมกับโลกแตกต่างกันในแต่ละยุคแต่ละปี จึงทำให้โลกของเรารับพลังงานที่แตกต่างกันโดยพลังงานกระแสแม่เหล็กโลกจะเป็นตัวแปรในการถ่ายเทพลังงานของจักรวาลมาให้กับมนุษย์ เนื่องจากพลังงานกระแสแม่เหล็กของดวงดาวแต่ละดวงเองก็มีส่วนช่วยในการก่อให้เกิดวงโคจรของระบบสุริยะจักรวาลเช่นเดียวกัน

2

ภาพจำลองกระแสแม่เหล็กของดาวพฤหัส

1

ภาพจำลองกระแสแม่เหล็กของโลก

 

ปราชญ์จีนได้ค้นพบมานานแล้วเช่นกันว่าโลกเรามีกระแสแม่เหล็กอยู่โดยขั้วโลกเหนือนั้นมีขั้วเป็นกระแสแม่เหล็กขั้วลบเนื่องจากมีการดึงดูดให้เข็มทิศซึ่งมีลักษณะเป็นขั้วบวกวิ่งเข้าหาเสมอ ซึ่งปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าในร่างกายของคนเรานั้นมีเลือดเป็นส่วนประกอบหลักคิดเป็นประมาณ 1 ใน 12 ส่วนของน้ำหนักตัว และเส้นเลือดในร่างกายเรานั้นถ้านำมาต่อกันจะมีความยาวเท่ากับ 1 ใน 4 ของระยะทางจากโลกถึงดวงจันทร์ได้ทีเดียว โดยเม็ดเลือดของเรานั้นมีส่วนที่เป็นพลาสม่า (Plasma) จะมีส่วนประกอบของแร่ธาตุต่างๆที่มีกระแสแม่เหล็กขั้วบวกและขั้วลบอยู่ในเม็ดเลือดนั้นๆประมาณ 10% เป็นที่มาที่ไปของสมมุติฐานที่เราเชื่อว่าการจัดฮวงจุ้ยที่ดีจะทำให้เราได้รับผลดีของการเหนี่ยวนำพลังงานจากธรรมชาติมาใช้โดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับในรายละเอียดที่มากกว่านี้เหมาะสำหรับการเรียนรู้ในคอร์สวิชา "ฮวงจุ้ยชั้นสูง" ต่อไป




 

 

 

 


Copyright©2007 by Master Tawan Lekhapat. All Rights Reserved.mastertawan@hotmail.com