|
||||||||||||||||||||||||
พลังของโลโก้ปัจจัยแห่งความสำเร็จ หากจะพูดถึงหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่อยู่ในใจของทุกคนก็คงหนีไม่พ้น Mercedes Benz รถยนต์สัญชาติเยอรมันที่มีประวัติศาสตร์อย่างยาวนานและมียอดขายทั่วโลกมากกว่าปีละ 2 ล้านคัน ความยอมรับในแบรนด์ของ Mercedes Benz ในสมัยก่อนนั้นนอกจากเรื่องของความหรูหราแล้ว ก็ยังเป็นเรื่องของสมรรถนะและประสิทธิภาพของรถยนต์ จนในปัจจุบันความยอมรับได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นความโดดเด่นในเรื่องของความสวยงาม การออกแบบ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่มักจะก้าวหน้าล้ำคู่แข่งเจ้าอื่นไปอีกก้าวเสมอ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญอย่างแน่นอน ในเชิงของการบริหารจัดการนั้นก็คงต้องยอมรับว่าเกิดจากความสามารถและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารและพนักงาน แต่ในศาสตร์ของฮวงจุ้ยปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างนั้นก็เกิดมาจากการออกแบบตราสินค้าหรือ Logo ของบริษัทด้วย
เพราะตราสินค้าหรือ Logo ของบริษัทนั้นเปรียบเสมือนกับเป็นตัวแทนหนึ่งของบริษัท Logo นั้นนอกจากจะถูกใช้ร่วมกับตัวสินค้าแล้ว ก็มักจะถูกใช้กับอาคาร สถานที่ต่างๆของบริษัท นามบัตร เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ รวมไปถึงถูกนำไปใช้กับสื่อต่างๆ อย่างมากมาย เพื่อใช้สื่อสารกับผู้เกี่ยวข้องต่างๆของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า คู่ค้า พนักงาน หรือแม้กระทั่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในอนาคต ดังนั้น Logo จึงเหมือนกับเป็น “จุดศูนย์รวม” ของความสนใจของทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ถ้าหากเราสามารถจะออกแบบ Logo ได้ดี ก็จะสามารถเอาพลังดีต่างๆมาเสริมบริษัท องค์กร หรือ สินค้าของเราได้
Logo ของ Mercedes Benz นั้นถูกพัฒนาและปรับปรุงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ในช่วงเริ่มต้นที่เป็นตัวหนังสือ Mercedes ในกรอบรูปทรงวงรี ในปี คศ.1902 จนเริ่มมาใช้ตราดาวสามแฉกแบบยังไม่มีกรอบรูปทรงวงกลมร่วมในปี คศ.1909 แต่ทั้งสองรูปแบบนี้ก็ยังไม่ถือว่าเป็นรูปแบบหลักที่เราคุ้นเคยและแน่นอนว่ายังไม่ได้เสริมพลังดีได้จนเริ่มพัฒนามาเป็น Logo ตราดาวสามแฉกในกรอบรูปทรงวงกลมในปี คศ.1916 ที่ถือว่าเป็นรูปแบบที่เราคุ้นเคย และยังเป็น Logo ที่ถือได้ว่าเป็นมงคลเสริมพลังดีเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเสริมการประสบความสำเร็จในระยะยาวของ Mercedes Benz ได้
เนื่องจากมุมมองตามศาสตร์ฮวงจุ้ยนั้นการใช้รูปทรงโค้งกลมรวมไปถึงความมันวาวของ Logo ในปัจจุบันของ Mercedes Benz นั้นแสดงถึงพลัง “ธาตุทอง” ส่วนตราดาวสามแฉกที่มีความแหลมคมนั้นแสดงถึงพลังของ “ธาตุไฟ” เมื่อไรก็ตามที่ไฟมาส่องทองนั้นก็จะทำให้ “ธาตุทอง” ยิ่งแสดงความโดดเด่นมีพลังมากขึ้นไปอีก การออกแบบ Logo เช่นนี้จึงช่วยเสริมในเรื่องของความหรูหราเลอค่า เทคโนโลยีความทันสมัย ความฉับไวรวดเร็ว จึงทำให้พลังของธาตุทองนี้ถูกส่งต่อไปทั้งในเรื่องของการออกแบบรถยนต์ของ Mercedes Benz ที่ออกมาได้อย่างสวยงาม โดดเด่น มีเอกลักษณ์ ให้ความรู้สึกที่ดูทันสมัยมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเส้นสายที่โค้งกลมและลื่นไหลนั้นถูกดึงมาใช้กับการออกแบบใน Generation หลังๆ มาจนถึงปัจจุบัน จนเป็นเอกลักษณ์ที่ได้เห็นเส้นสายแบบนนี้แล้วก็รู้ว่าต้องเป็นรถยนต์ของ Mercedes Benz ทันที
นอกจากนั้นพลังของ “ธาตุทอง” นี้ยังถูกสะท้อนไปถึงเรื่องนวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆที่ถูกนำมาใช้ในการออกแบบวิศวกรรมยานยนต์ทั้งรูปแบบตัวถัง เครื่องยนต์ ระบบการขับขี่ ระบบความปลอดภัย ของ Mercedes Benz ที่โดดเด่นเป็นอันดับต้นๆใน Brand ระดับโลก รวมไปถึงในการผลิตที่โรงงานใหญ่ในเมือง Stuttgart ในปัจจุบันได้เป็นระบบที่ใช้ Robot เข้ามาช่วยในเกือบทุก Line การผลิตแล้ว ในแต่ละส่วนของการผลิตที่แม้ว่าจะมีความซับซ้อนก็สามารถที่จะออกแบบ Robot เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตร่วมกับแรงงานของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี
มากไปกว่านั้นในเร็วๆนี้ กำหนดการคือปี คศ.2020 Mercedes Benz กำลังจะเปิดโรงงานใหม่ในชื่อ Factory 56 ในเมือง Sindelfingen ที่จะมีระบบการผลิตในรูปแบบใหม่เรียกว่า TecLines ซึ่งเป็นการนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาในกระบวนการผลิต โดยการใช้ 5G เป็นโครงสร้างหลักของการวาง Concept ในการผลิต เครื่องไม้เครื่องมือทุกชิ้นไม่เพียงแค่เป็น Robot ธรรมดา แต่ยังถูกเพิ่มความเป็น Internet of Things (IOT) สามารถที่จะเชื่อมต่อถึงกันได้ในทุกกระบวนการผลิต
เช่นรถยนต์ที่กำลังอยู่ใน Line การผลิตสามารถจะเคลื่อนไหวได้เองอย่างอิสระในการเลือกที่จะไปยัง Station การประกอบชิ้นส่วนใดๆได้ตามเหมาะสม ชิ้นส่วนที่ต้องใช้ในการประกอบรถยนต์ในแต่ละ Model ที่แตกต่างกันก็จะถูกส่งมายัง Station ต่างๆอย่างอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยทำให้ปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตได้เป็นอย่างมาก โดยรถยนต์รุ่นที่จะได้เริ่มรับการประกอบใน Factory 56 ก่อนก็ได้แก่ New S Class รถรุ่นที่หรูหราที่สุดของ Mercedes Benz และ EQ electric SUV รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นแรกของ Mercedes Benz นั่นเอง
|
|
|||||||||||||||||||||||
|